วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลหลากหลายสายพันธุ์

        ปัจจุบันคนเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลกันมากมาย แต่ที่เราเห็นทั่ว ๆ ไปก็จะเป็นสุนัขที่ขนปุย บางตัวขนหยิกมาก หยิกน้อย หรือมีสีน้ำตาล และขาว และสีอื่น ๆ แตกต่างกันออกไป สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ ซึ่งเห็นได้ว่าสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมีหลากหลายสายพันธุ์ ดังนี้

สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมี 3 สายพันธุ์ คือ

1.  พุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle)





แหล่งที่มา  http://www.dogilike.com/content/caring/1317/



     พุดเดิ้ลทอย(ขนาดเล็ก) จะเป็นสุนัขพุดเดิ้ลที่มีขนาดเล็กสุด  พุดเดิลพันธุ์นี้จะตื่นตัวเสมอ ขี้เล่น รวมทั้งชอบมีเพื่อนอยู่ด้วยตลอดเวลา พุดเดิ้ลทอยมีส่วนสูงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 นิ้ว มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 6 - 7 ปอนด์ หรือประมาณ 2 กิโลกรัมครึ่ง - 3 กิโลกรัม

     พุดเดิ้ลทอยฉลาด ร่าเริง เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความฉลาดมากที่สุดจึงฝึกง่าย แต่เมื่อใดที่พวกเขาไม่ได้รับการฝึก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่น่าพึงประสงค์ เช่น ขู่ งับ หงุดหงิด และมีอารมณ์แปรปรวนได้ นอกจากนี้ พุดเดิ้ลทอยยังเป็นมิตรกับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่โตแล้ว เนื่องจากเด็กที่ยังเล็กมากๆ อาจเล่นรุนแรงกับพุดเดิ้ลทอยจนทำให้เกิดการบาดเจ็บ

     พุดเดิ้ลทอยมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพมากกว่าพุดเดิ้ลขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น

     - การติดเชื้อที่หู
     - โรคเกี่ยวกับผิวหนัง
     - โรคเกี่ยวกับตา
     - โรคเกี่ยวกับหัวใจ
     - โรคลมบ้าหมู



2. มินิเอเจอร์ พุดเดิ้ล (Miniature Poodle)



แหล่งที่มา http://pantip.com/topic/31510206

      มินิเอเจอร์(ขนาดกลาง) มีขนาดใหญ่กว่าพุดเดิ้ลทอยเล็กน้อยเพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา ด้วยร่าเริง นิสัยดี อยู่ในโอวาท ขี้อ้อน สงบนิ่ง และพึ่งพาได้ สูงประมาณ 11-15 นิ้ว หนักประมาณ 11 กิโลกรัม พุดเดิ้ลขนาดเล็กตัวใหญ่กว่าพุดเดิ้ลทอยเล็กน้อย โดยมีส่วนสูงเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 15 นิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมครึ่ง - 9 กิโลกรัมโดยเฉลี่ย

     พุดเดิ้ลขนาดเล็กมีความฉลาดหลักแหลมอย่างมาก สามารถปรับตัวได้อย่างดี และ ฝึกง่าย ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมครั้งหนึ่งพวกเขาถึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการแสดงละครสัตว์ อีกทั้งพวกเขายังชอบถูกรายล้อมด้วยผู้คน ชอบมีส่วนร่วมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว และด้วยนิสัยขี้เล่น มีความอดทนต่อการเล่นแรงของเด็กทุกช่วงวัย จึงมักได้รับการพิจารณาให้มาเป็นสุนัขประจำครอบครัว อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ลขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสุขภาพอันมาจากโรคประจำสายพันธุ์ เช่น

     - โรคต้อกระจก
     - โรคภูมิแพ้
     - โรคเบาหวาน
     - โรคลมบ้าหมู

3.พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle)

แหล่งที่มา http://www.dogilike.com/content/tip/1852/

           
           แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ของ พุดเดิ้ล ให้เล็กลงไปอีก จนได้ขนาด พุดเดิ้ล น้องใหม่ที่มีชื่อว่า พุดเดิ้ลทีคัพ (Tea-Cup Poodle) เป็นขนาดเล็กที่สุดในตระกูล พุดเดิ้ล จะมีส่วนสูงไม่เกิน 8 นิ้ว และน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-3.5 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ พุดเดิ้ลทีคัพ นี้แม้ยังไม่ได้รับการรับรองจากสถาบันสุนัขใดๆ แต่สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยง พุดเดิ้ล แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะ พุดเดิ้ลทีคัพ กลายเป็นที่นิยมไปทั่วและเป็นที่ต้องการอย่างสูง แม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่แพงลิบลิ่ว

          อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ล ทั้งหลายที่กล่าวมาจะมีมาตรฐานสายพันธุ์ที่เหมือนกันหมด ทั้งสภาพขน สี นิสัยใจคอ และอื่นๆ จะต่างกันตรงที่ "น้ำหนัก" และ "ความสูง" เท่านั้น ถ้าจะเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลก็อย่าลืมศึกษากันดีๆนะคะว่าชอบแบบไหน เพราะสุนัขพันธุ์นี้นิสัยใจคอเหมือนกันหมด ต่างกันแค่ที่ขนาดเมื่อมีเค้าแล้วก็ดูแลเค้าดีๆนะคะ


แหล่งข้อมูล:
GWEN BAILEY Choosing the right dog for you. www.nationbook.com
http://www.pedigree.co.th/

1 ความคิดเห็น:

  1. ส่วนตัวชอบใพุดเดิ้ล ทอย ตัวเล็กน่ารักดีครับ จะว่าไปพวกมันดูไม่ดุ ออกจะน่ารักมากกว่า เลี้ยงง่ายด้วยนะ คิดเหมือนกันมั้ย

    ตอบลบ