วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

อาหารของสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล

         มาถึงเรื่องของอาหารการกินของน้องหมากันบ้างดีกว่า ถ้าพูดถึงอาหารของสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีขายกันตามร้านค้าต่าง ๆ มีหลากหลายยี่ห้อแตกต่างกันไป ควรเลือกอาหารให้สุนัขตามขนาดตัวและช่วงอายุ 
          
         อาหารการกินของ สุนัข พุดเดิ้ล ควรให้เป็นอาหารสำเร็จรูปจะดีที่สุด อาหารสำเร็จรูปนั้นมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ได้แก่ อาหารสูตรลูกสุนัข อาหารสูตรสุนัขโต และอาหารสูตรสุนัขแก่ การให้อาหารก็ควรให้ตรงตามอายุและสูตร เนื่องจากสุนัขในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ลูกสุนัข จำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนสูงกว่าสุนัขโต ในขณะที่ร่างกายของสุนัขโตจะต้องการอาหารประเภทพลังงานมากกว่าโปรตีน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณการให้อาหารก็ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะ พุดเดิ้ล จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กินไม่มาก
ที่มา : http://petpro.co.th/royal-canin-1-12969.html


           นอกจากเรื่องของโภชนาการแล้ว การให้ อาหารสุนัข ยังควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ เจ้าของต้องคอยหมั่นดูแลภาชนะใส่อาหารและสถานที่กินให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่างๆ ที่พร้อมจะทำร้ายสุนัขของเรา 


            นอกจากนี้ ตาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่พบปัญหา พุดเดิ้ล ส่วนใหญ่จะมีร่องน้ำตาที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คราบน้ำตาหรือสิ่งสกปรกไปหมักหมมได้ง่าย เจ้าของจึงควรคอยเช็ดทำความสะอาดให้ทุกวัน เพราะหากทิ้งไว้นานๆ คราบนั้นจะฝังแน่นอย่างถาวร เช็ดไม่ออก นอกจากนั้น ยังควรหมั่นตรวจดูดวงตาของ สุนัข พุดเดิ้ล ด้วยว่ามีฝ้าขาวๆ หรือรอยขีดข่วน รอยแผลบ้างหรือไม่



            สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลจะเป็นสุนัขที่กินง่าย อยู่ง่าย แต่ก็ควรเลือกอาหารที่เหมาะกับเค้า เพื่อให้เค้ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ตามความเหมาะสม ตามวัยและต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีก้าง และกระดูก เพราะสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่ตัวเล็ก อาจทำให้ติดคอได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญของ สุนัข ทุกพันธุ์ และควรมีการเลี้ยงดู เอาใจใส่ รวมถึงดูแลสุขภาพจิตของสุนัขด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ พุดเดิ้ล ของคุณเป็นสุนัขที่ดีพร้อมทั้งร่างกายและอารมณ์




อ้างอิงจาก : http://pet.kapook.com/view150.html

การทำหมันสุนัข

            สวัสดีค่ะวันนี้ดิฉันมีความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ การทำหมันหรือการตอนสุนัขมาฝากกันด้วยค่ะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีปัญหาเรื่องนี้กันเยอะใช่มั้ยล่ะคะ เพราะเจ้าสุนัขของเราเวลาที่เค้าติดสัตว์หรืออยู่ในฤดูการผสมพันธุ์นั้นจะเป็นปัญหามากๆ เพราะสุนัขอาจจะท้องขึ้นมาได้ง่าย ๆ เรามาเริ่มศึกษาเรื่องการทำหมันสุนัขพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

 การทำหมันหรือการตอนสุนัข 
        การทำหมันจัดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีที่สุด เป็นการกำจัดต่อมเพศออกไป ทำให้สัตว์ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้ วิธีนี้ในปัจจุบันเป็นวิธีที่สัตวแพทย์นิยมใช้ คือ การทำหมันด้วยวิธีการผ่าตัด เพราะเป็นการทำหมันที่ถาวร มีความปลอดภัย และไม่มีปัญหาในระยะยาว
     
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำหมัน
     ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำหมันสุนัขคือช่วงอายุ 6 เดือนถึง 6 ปี

ขั้นตอนการทำหมันสุนัขเพศผู้
       สำหรับการทำหมันโดยวิธีศัลยกรรมในน้องหมาเพศผู้ มี 3 วิธี ได้แก่
       1. การทำหมันปกติ (castration, orchidectomy)
       2. การทำหมันกรณีอัณฑะทองแดง (cryptorchidectomy)
       3. การตัดหลอดอสุจิ (vasectomy)

ขั้นตอนการทำหมันสุนัขเพศเมีย
       สำหรับการทำหมันโดยวิธีศัลยกรรมในเพศเมีย มี 2 วิธี ได้แก่
       1. การตัดรังไข่และมดลูก (ovariohysterectomy)
       2. การตัดรังไข่ (ovariectomy)

การดูแลหลังผ่าตัดทำหมัน
       สำหรับน้องหมาที่ทำหมันแล้วเจ้าของอาจจะฝากให้คุณหมอดูแลต่อ หรือรับกลับมาดูแลเองที่บ้านก็ได้ แต่จะพากลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อน้องหมานั้นฟื้นจากยาสลบโดยสมบูรณ์แล้ว คือ มีสติ สามารถลุกขึ้นยื่น เดินไปกินน้ำได้ ไม่เซ และไม่ล้ม ช่วง 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด น้องหมาบางตัวอาจจะซึม ร้องคราง เนื่องจากความเจ็บปวดหลังผ่าตัด บางตัวอาจกินอาหารลดลง เจ้าของต้องคอยสังเกตอาการในช่วงนี้อย่างใกล้ชิดด้วย สำหรับการดูแลน้องหมาหลังผ่าตัดทำหมันมีดังนี้ครับ
       1. ดูแลเรื่องความสะอาดของแผล อย่าให้แผลสกปรก อย่าให้น้องหมานอนทับพื้นที่เปียกหรือนอนทับปัสสาวะ อย่าให้น้องหมาเลียแผล อาจจะสวมเสื้อหรือใส่ปลอกคอกันเลียให้น้องหมาก็ได้
       2. แต้มยาที่แผลเป็นประจำทุกวัน ด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน  โปรวิโดน-ไอโอดีน 10% (เบตาดีน)  หรือทิงเจอร์ไทเมอรอซอล 0.1% ก็ได้ แล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซด้วยครับ
       3. หมั่นสังเกตแผลเป็นประจำ แผลที่ดีต้องไม่มีรอยช้ำ ไม่มีเลือดหรือหนองซึมออกมาจากบาดแผล
       4. อย่าให้น้องหมาวิ่งเล่น กระโดด หรือเห่ามากเกินไป เพราะอาจไปกระทบกระเทือนแผลได้ โดยเฉพาะตัวเมียที่มีการผ่าตัดเปิดช่องท้อง
       5. ป้อนยาตามคำแนะนำของคุณหมอโดยเคร่งครัด
       6. ไปตรวจแผลตามที่คุณหมอนัดทุกครั้ง
       7. พาไปตัดไหมหลังจากผ่าตัดแล้ว 7-10 วัน
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดทำหมัน
       1. เสียเลือดจากการผ่าตัด
       2. แผลผ่าตัดบวม อักเสบ หรือแผลแตก
       3. มีการติดเชื้อแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

ผลที่จะเกิดตามมาหลังจากทำหมัน
       1. โรคอ้วนหลังจากทำหมัน การทำหมันไม่ได้ทำให้น้องหมาอ้วน แต่การทำหมันทำให้ฮอร์โมนเพศลดลง ส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานลดลง หากเรายังให้อาหารในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้น ก็จะทำให้น้องหมามีน้ำหนักเกินหรืออ้วนได้ ปัจจุบันมีอาหารสำหรับควบคุมน้ำหนัก หรืออาหารสำหรับน้องหมาที่ทำหมันแล้ว เจ้าของอาจจะปรับให้น้องหมากินอาหารแบบนี้ก็ได้
       2. ไม่สามารถควรคุมปัสสาวะได้ (Urine Incontinence) เช่นเดียวกับคนวัยทองเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติไป ส่งผลให้การควบคุมปัสสาวะจะทำได้ไม่ดีเหมือนปกติ จึงพบปัสสาวะเล็ดได้ โดยเฉพาะน้องหมาเพศเมีย จนเจ้าของอาจเข้าใจว่าน้องหมาปัสสาวะเรี่ยราด แต่กรณีนี้ไม่ได้เป็นกับน้องหมาทุกตัวที่ทำหมัน แต่ตัวที่เป็นมักจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นโรคทางระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคอ้วน มีอายุมากขึ้น เป็นต้น
       3. การยังคงเป็นสัดอยู่ เนื่องจากตัดรังไข่ออกไม่หมด หากพบต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อเข้าไปแก้ไข

        ก่อนจะทำหมันหรือทำอะไรให้กับสุนัขก็อย่าลืมดูและศึกษาดี ๆ นะคะ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข ทางที่ดีปรึกษาสัตวแพทย์โดยตรงจะดีที่สุดค่ะ การทำหมันในน้องหมานั้น นอกจากจะสามารถช่วยลดการเพิ่มจำนวนประชากรสุนัขและลดปัญหาสุนัขจรจัดลงแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้น้องหมามีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรคที่เกิดจากฮอร์โมนเพศ และโรคที่ติดต่อทางการผสมพันธุ์ น้องหมาทุกตัวจึงควรต้องทำหมัน ไม่ต่างอะไรกับการฉีดวัคซีนและการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ


แหล่งอ้างอิง :
บทความโดย: หมอต้น Dogilike.com
น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์
http://family.dogilike.com/tonvet/
http://www.dogilike.com/content/vettalk/1359/

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลหลากหลายสายพันธุ์

        ปัจจุบันคนเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลกันมากมาย แต่ที่เราเห็นทั่ว ๆ ไปก็จะเป็นสุนัขที่ขนปุย บางตัวขนหยิกมาก หยิกน้อย หรือมีสีน้ำตาล และขาว และสีอื่น ๆ แตกต่างกันออกไป สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ ซึ่งเห็นได้ว่าสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมีหลากหลายสายพันธุ์ ดังนี้

สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมี 3 สายพันธุ์ คือ

1.  พุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle)





แหล่งที่มา  http://www.dogilike.com/content/caring/1317/



     พุดเดิ้ลทอย(ขนาดเล็ก) จะเป็นสุนัขพุดเดิ้ลที่มีขนาดเล็กสุด  พุดเดิลพันธุ์นี้จะตื่นตัวเสมอ ขี้เล่น รวมทั้งชอบมีเพื่อนอยู่ด้วยตลอดเวลา พุดเดิ้ลทอยมีส่วนสูงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 นิ้ว มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 6 - 7 ปอนด์ หรือประมาณ 2 กิโลกรัมครึ่ง - 3 กิโลกรัม

     พุดเดิ้ลทอยฉลาด ร่าเริง เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความฉลาดมากที่สุดจึงฝึกง่าย แต่เมื่อใดที่พวกเขาไม่ได้รับการฝึก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่น่าพึงประสงค์ เช่น ขู่ งับ หงุดหงิด และมีอารมณ์แปรปรวนได้ นอกจากนี้ พุดเดิ้ลทอยยังเป็นมิตรกับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่โตแล้ว เนื่องจากเด็กที่ยังเล็กมากๆ อาจเล่นรุนแรงกับพุดเดิ้ลทอยจนทำให้เกิดการบาดเจ็บ

     พุดเดิ้ลทอยมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพมากกว่าพุดเดิ้ลขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น

     - การติดเชื้อที่หู
     - โรคเกี่ยวกับผิวหนัง
     - โรคเกี่ยวกับตา
     - โรคเกี่ยวกับหัวใจ
     - โรคลมบ้าหมู



2. มินิเอเจอร์ พุดเดิ้ล (Miniature Poodle)



แหล่งที่มา http://pantip.com/topic/31510206

      มินิเอเจอร์(ขนาดกลาง) มีขนาดใหญ่กว่าพุดเดิ้ลทอยเล็กน้อยเพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา ด้วยร่าเริง นิสัยดี อยู่ในโอวาท ขี้อ้อน สงบนิ่ง และพึ่งพาได้ สูงประมาณ 11-15 นิ้ว หนักประมาณ 11 กิโลกรัม พุดเดิ้ลขนาดเล็กตัวใหญ่กว่าพุดเดิ้ลทอยเล็กน้อย โดยมีส่วนสูงเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 15 นิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมครึ่ง - 9 กิโลกรัมโดยเฉลี่ย

     พุดเดิ้ลขนาดเล็กมีความฉลาดหลักแหลมอย่างมาก สามารถปรับตัวได้อย่างดี และ ฝึกง่าย ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมครั้งหนึ่งพวกเขาถึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการแสดงละครสัตว์ อีกทั้งพวกเขายังชอบถูกรายล้อมด้วยผู้คน ชอบมีส่วนร่วมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว และด้วยนิสัยขี้เล่น มีความอดทนต่อการเล่นแรงของเด็กทุกช่วงวัย จึงมักได้รับการพิจารณาให้มาเป็นสุนัขประจำครอบครัว อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ลขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสุขภาพอันมาจากโรคประจำสายพันธุ์ เช่น

     - โรคต้อกระจก
     - โรคภูมิแพ้
     - โรคเบาหวาน
     - โรคลมบ้าหมู

3.พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle)

แหล่งที่มา http://www.dogilike.com/content/tip/1852/

           
           แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ของ พุดเดิ้ล ให้เล็กลงไปอีก จนได้ขนาด พุดเดิ้ล น้องใหม่ที่มีชื่อว่า พุดเดิ้ลทีคัพ (Tea-Cup Poodle) เป็นขนาดเล็กที่สุดในตระกูล พุดเดิ้ล จะมีส่วนสูงไม่เกิน 8 นิ้ว และน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-3.5 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ พุดเดิ้ลทีคัพ นี้แม้ยังไม่ได้รับการรับรองจากสถาบันสุนัขใดๆ แต่สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยง พุดเดิ้ล แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะ พุดเดิ้ลทีคัพ กลายเป็นที่นิยมไปทั่วและเป็นที่ต้องการอย่างสูง แม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่แพงลิบลิ่ว

          อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ล ทั้งหลายที่กล่าวมาจะมีมาตรฐานสายพันธุ์ที่เหมือนกันหมด ทั้งสภาพขน สี นิสัยใจคอ และอื่นๆ จะต่างกันตรงที่ "น้ำหนัก" และ "ความสูง" เท่านั้น ถ้าจะเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลก็อย่าลืมศึกษากันดีๆนะคะว่าชอบแบบไหน เพราะสุนัขพันธุ์นี้นิสัยใจคอเหมือนกันหมด ต่างกันแค่ที่ขนาดเมื่อมีเค้าแล้วก็ดูแลเค้าดีๆนะคะ


แหล่งข้อมูล:
GWEN BAILEY Choosing the right dog for you. www.nationbook.com
http://www.pedigree.co.th/

มาตรฐานสายพันธุ์สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล


มาตรฐานสายพันธุ์


ขนาด
พุดเดิ้ล มี 3 ขนาดและจัดอยู่ในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ Standard Poodle มีขนาด ความสูงไม่ต่ำกว่า 15 นิ้ว Miniatrue Poodle มีความสูง 11-15 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาดนี้ จัดอยู่ในกลุ่มของ Non-Sporting Toy Poodle มีขนาดความสูงไม่เกิน 11 นิ้ว จัดอยู่ในกลุ่ม Toy ส่วนขนาด Tea-Cup ซึ่งเล็กกว่า Toy Poodle เป็นเพียงขนาดไม่ได้จัดประกวด มีความสูงตั้งแต่ 8 นิ้วลงไป นับเป็น Pet-Quality ที่นิยมเลี้ยงกันเท่านั้นจะเข้าประกวดไม่ได้เลย ถือเป็น Poodle ที่ด้อยผิดมาตรฐานของสายพันธุ์ Poodle ทั่วๆ ไป
ศรีษะ
หัวกะโหลกมีลักษณะค่อนข้างกลม แก้มค่อนข้างแบนหากมองจาด้านบน ลักษณะจากส่วนหัวถึงปลายจมูกจะมีลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ
ฟัน
ขาวแข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ปาก
ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก สันปากตรงแข็งแรง ริมฝีปากตึงไม่ห้อยหย่อนยานหรือปากล่างหนาจนเกินไป
ตา
มีลักษณะเป็นรูปกลมค่อนข้างรี คล้ายผลอัลมอนด์ ตาสีเข้ม ขอบตาเข้ม ตามีแววร่าเริง ตื่นตัวเสมอ
หู
ห้อยแนบชิดส่วนหัว โคนหูจะอยู่ในระดับต่ำกว่าตาเล็กน้อย หูมีขนยาว ใบหูค่อนข้างกว้างและหนา
จมูก
มีมุมหักพอสมควรหรือลาดลง
คอ
มีขนาดค่อนข้างยาว ทำให้ Poodle ดูสง่างาม ขณะเชิดหัวขึ้นหนังคอตึง คอประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
อก
ลึก กว้างพบประมาณ
ลำตัว
มองจากด้านข้าง มีลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความสูงของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของลำตัว เส้นหลังตรงแข็งแรง
เอว
สั้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
ขาหน้า
มองจากด้านหน้า ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้าทั้ง 2 ข้างขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างอยู่ในแนวเดียวกับหัวไหล่ ขาหน้ามีกระดูกและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กับขนาดของสุนัข ข้อเท้าหน้าแข็งแรง เท้ามีขนาดเล็ก รูปกลมรีไม่แบนเหมือนตีนเป็ด ฝ่าเท้าหนา เท้าชี้ตรงไปด้านหน้า ไม่บิดซ้ายบิดขวา นิ้วติ่งตัดออก เล็บควรตัดสั้น
ขาหลัง
มองจากด้านหลัง ขาหลังตรง ขนานกัน ขาหลังท่อนบนมีกล้ามเนื้อมาก ข้อเท้าสั้น ตั้งฉากกับพื้น ขาเท้าหลังทำมุมพอประมาณ และสัมพันธ์กับลำตัวส่วนหน้า เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าคือไม่บิดซ้ายบิดขวา
หาง
โคนหางอยู่ในระดับสูง หางตั้งตรงไม่ชี้เอนไปด้านหลังขณะเดิน หางนิยมตัดออก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของหางทั้งหมด
ขน
มีขน 2 ชั้น ขนชั้นบนอ่อนนุ่ม ขนชั้นนอกยาว ขนชั้นนอกนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดหยิกและชนิดหยิกคลายเป็นเกลียวคลื่น พุดเดิ้ลนิยมตัดแต่งขนให้มีรูปทรงต่างๆ กันได้หลากหลายตามแฟชั่นในแต่ละสถานที่ แต่มีข้อบังคับแน่นอนในสนามประกวด ดังนี้ อายุน้อยกว่า 12 เดือน ตัดทรง Puppy Clip เมื่ออายุเกิน 12 เดือนไปแล้วต้องตัดทรง English หรือทรง Continental Clip
สีขน
มีขนสีเดียวตลอดทั้งตัว ขนอาจมีสีจางลงได้ พุดเดิ้ลขาวอาจมีสีครีมอ่อนที่หูได้ แต่ไม่ใช่สีตัดกันจนเป็นสีน้ำตาล พุดเดิ้ลสีน้ำตาลช็อกโกแลต กาแฟ แอปปริคอท มักมีจมูก, ขอบตา, เล็บ, ริมฝีปาก สีน้ำตาลเข้มๆ หรือสีตับ ส่วนพุดเดิ้ลสีดำ เทาดำ เทาเงิน ครีม และขาวจะมีจมูก, เล็บ, ขอบตา, ริมฝีปากและไรจมูกเป็นสีดำ


ที่มา : nononononno.com

วิธีฝึกสุนัขพันธุ์พุดเพิ้ล

                สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนวันนี้ดิฉันมีเรื่องของวิธีการฝึกสุนัขมาฝากกันด้วยกัน การฝึกสุนัขเนี่ยไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทนซักนิด เพื่อให้สุนัขของเราเคยชินกับคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์อะไร ก็ใช้วิธีการฝึกคล้าย ๆ กัน แต่ว่าเจ้าสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเป็นพันธุ์ที่เรียกว่า ขี้เล่น ว่านอนสอนง่าย และเชื่อฟังคำสั่งมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ดิฉันจึงมีวิธีการฝึกเจ้าสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมาฝากสำหรับผู้ที่เริ่มเลี้ยงสุนัข จะได้เป็นประโยชน์ต่อไปนะคะ
         
          เริ่มกันที่เรื่องแรกที่ต้องทำต้องฝึกคือการขับถ่ายค่ะ พอขับถ่ายเป็นที่แล้ว ค่อยฝึกอย่างอื่น
วิธีฝึกการขับถ่าย
1. หามุมเหมาะๆที่จะไม่ต้องย้ายบ่อย แบบเจาะจงว่าจะต้องให้เค้าขับถ่ายตรงนั้นเลย เดี๋ยวสุนัขจะงง
2. เอาหนังสือพิมพ์ปูตรงที่ที่จะให้สุนัขขับถ่าย
3. พอเวลาเห็นสุนัขก้มดมๆบริเวณพื้นเดินวนเป็นวงกลม(อันนี้ต้องใช้เวลาอยู่กับเค้ามากหน่อย)รีบอุ้มไปที่หนังสือพิมพ์ที่ปูไว้ทันที
4. พอสุนัขขับถ่ายบนหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว สุนัขจะดมๆตรงที่เค้าขับถ่าย แล้วเราก็ต้องชมเค้าว่าทำแบบนี้ถูกแล้วเก่งมาก ดีมาก น่ารักมากๆ
5. ถ้าไม่ทันแล้วหรือว่าเค้าขับถ่ายเลอะเทอะ ใช้วิธีโหดนิดหน่อย คือ จับหัวเค้ากดให้ดมอึฉี่ที่เลอะพื้น แล้วดุว่า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วก็ตีก้นสองสามป้าบ ให้เค้ากลัว แล้วอย่าพึ่งโอ๋ ให้ผ่านไปสักนาทีสองนาที แล้วเรียกเค้ามาอุ้ม(ทำท่าชี้ไปที่พื้น)ว่าทำแบบนีไม่ได้นะ ห้ามทำอีกนะ ทำอีกจะโดนตี

ฝึกสุนัขแบบนี้สักสองสามครั้งแล้วเค้าจะจำแล้วทำตามจนเคยชินค่ะ



วิธีการฝึกนั่ง
1. ให้เอาขนม ยกสูงเหนือคอ แล้วเบี่ยงไปด้านหลังของสุนัข
เค้าจะนั่งโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มองเห็นขนม
2. ทันทีที่นั่งก็รีบให้ขนมเป็นรางวัล จากนั้นทำซ้ำ แล้วพูดคำว่านั่ง
พอนั่งแล้วก็ให้ขนมเป็นรางวัล พอเค้าทำได้ ก็แค่ชมเค้าว่าเก่งมาก ดีมาก แล้วให้ขนม

ทำบ่อยๆก็ได้ค่ะเค้าจะจำ ฝึกไม่ยาก สำหรับพุดเดิ้ล

วิธีฝึกการรอ
1. จับสุนัขนั่งในที่สูงๆหน่อย แล้วก็พูดว่ารอ แล้วค่อยๆเดิน
ห่างออกมา
2. พอสุนัขทำท่าจะลุกตาม ก็ดุเค้า แล้วก็ห่างออกมาเรื่อยๆ
3. พอสุนัขจะลุกก็ทำเสียงดุดังๆ ถ้าได้ระดับนึงก็เดินเข้าไปหา แล้วชมเค้าว่าเก่งและ
ให้ขนม แล้วทำซ้ำเรื่อยๆค่ะ



อ้างอิงจาก : http://www.thaidogcenter.com

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีลงโทษสุนัขที่ถูกต้อง

                เพื่อน ๆ หลายคนคงจะหงุดหงิดกันใช่มั้ยล่ะคะ เวลาที่เจ้าสุนัขดื้อ ไม่ยอมเชื่อฟัง หรือทำลายข้าวของ สร้างความลำบากใจกับหลายคนเลยใช่มั้ยคะ แน่นอนว่าเวลาที่เราจะทำโทษสุนัขของเรา สุนัขจะขัดขืน และไม่ยอมทำตามคำสั่ง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เป็นกันแทบทุกบ้าน วันนี้ดิฉันจึงมีวิธีการลงโทษสุนัขที่ถูกต้องมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยค่ะ


            การตะโกนดุสุนัขที่ผู้เลี้ยงหลายๆ คนมักทำนั้น จะยิ่งเป็นการทำให้นิสัยของสุนัขเป็นไปในแง่ลบมากขึ้น เพราะโดยธรรมชาติแล้วสุนัขจะมีพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม ดังนั้น ถ้าหนึ่งในพฤติกรรมเลวร้ายของสุนัขทำให้เราสนใจ สุนัขก็จะอยากทำพฤติกรรมแบบนั้นอีก
          ในการลงโทษสุนัขที่ทำผิด ผู้เลี้ยงจะต้องลงโทษทันทีในขณะที่เค้ากำลังทำความผิด อย่าลงโทษหลังจากที่สุนัขทำผิดไปแล้ว เพราะสุนัขไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเราโกรธเค้าเพราะสิ่งที่เค้าทำเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน สุนัขจะรู้แค่ว่าเราโกรธ หรือบางทีอาจจะเข้าใจว่าเราโกรธเพราะสิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ในตอนนั้นก็ได้
         อย่าตีหรือลงโทษสุนัขอย่างรุนแรง เพราะนั่นจะทำให้สุนัขหวาดกลัวเจ้าของ และในกรณีที่สุนัขตัวที่เราดุนั่น เป็นสุนัขที่เป็นหัวหน้าฝูง สุนัขจะมีระดับความก้าวร้าวในสัญชาตญาณที่ค่อนข้างสูง การลงโทษด้วยวิธีการรุนแรงอาจทำให้สุนัขแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ขู่ หรือกัด เราก็ได้
       พยายามจบการฝึกสุนัขด้วยทัศนคติในแง่บวก เช่น ถ้าสุนัขยังไม่สามารถทำตามคำสั่งใหม่ๆ ได้ ให้ผู้เลี้ยงจบการฝึกด้วยคำสั่งที่สุนัขสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเค้าทำได้คุณผู้เลี้ยงก็อย่าลืมชมเค้าด้วยล่ะ
        ช่วงเวลาและสถานที่ในการฝึก ควรใช้ช่วงเวลาและสถานที่เดิมๆ และน้ำเสียงที่ใช้ในการฝึกก็ควรเป็นน้ำเสียงในลักษณะเดิม และต้องตรวจดูก่อนด้วยว่าในระหว่างการฝึกนั้นสุนัขสนใจคำสั่งของเราหรือไม่



อ้างอิงจาก http://www.dogilike.com/content/train/551/   

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

การอาบนํ้าและวิธีการดูแลสัตว์เลี้ยง


           วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์คุณหมอที่เป็นสัตวแพทย์ท่านนึงกันค่ะ กับเรื่องของการอาบน้ำและวิธีการดูแลสัตว์เลี้ยง ไปชมพร้อมกันเลยค่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีค่ะคุณหมอเอกวิทย์ นาถํ้าพลอยใช่ม้ัยคะ ยังไงก็ช่วยแนะนําตัวกับคุณผู้ชมหน่อยค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : นายสัตวแพทย์เอกวิทย์ นาถํ้าพลอยครับอยู่ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีครับ
ผู้สัมภาษณ์ : ทําไมถึงเปิดร้านเกี่ยวกับบริการตัดขน อาบนํ้าสัตว์เลี้ยงแล้วก็รักษาสัตว์คะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ก็ปกติสัตวแพทย์ที่จบมาหลังจากที่ทํางานจากบริษัทแล้วเช่น ขายยาเอย อยู่ตามฟาร์มเอย หรือเกี่ยวกับอาหารสัตว์อะไรต่าง ๆ คือเวลาทํางานเป็นลูกจ้างแล้วก็อยากทําอะไรเป็นของตัวเอง พอเบื่อทําพวกนั้นเสร็จแล้วก็เลยมาเปิดร้านเกี่ยวกับรักษาสัตว์เสร็จแล้วก็ถ้าจะให้มันครบ วงจรบริการให้ทั่วถึงก็ต้องมีการให้บริการอาบนํ้าตัดขนร่วมด้วยครับ นั่นจะเป็นวิธีที่ครบวงจรที่สุดแล้วก็จะขายพวกอาหารสัตว์ ขายพวกเพ็ทชอปอะไรพวกนี้ครับ 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วในร้านนี้มีบริการอะไรบ้างคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ร้านนี้มีบริการอะไรบ้าง ถ้าเกี่ยวกับการรักษาแบ่งเป็นการรักษา และเป็นบริการอาบนํ้า ตัดขนและก็บริการเรื่องเพ็ทชอป รักษาก็จะเป็นทําหมันฉีดยา ฉีดวัคซีน กําจัดเห็บหมัด รักษาขี้เรื้อน อะไรต่างๆที่สามารถทําได้นะครับแต่จะไม่มีส่วนของการเอกซเรย์ ไม่มีการทํากระดูกนะครับ อาบนํ้าตัดขนก็กําจัดเห็บ เพ็ทชอปก็ขายพวกวัสดุต่างๆที่เกี่ยวกับสุนัข 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วอัตราค่าบริการมีต้งแต่ราคาเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เรื่องการรักษาก็อยู่ประมาณ ถ้าฉีดเห็บหมดธรรมดาก็อยู่ประมาณ 80 บาท 60 บาทอะไรพวกนี้ครับ ถ้ารักษาทั่วๆไปเช่น เป็นลําไส้ ขึ้นมาก็อยู่ประมาณ 100 กว่าบาทถึง 200 ประมาณนี้ส่วนของ การผ่าตัดทําหมันถ้าเป็นตัวผู้ ก็อยู่ที่ 500-600 ถ้าเป็นตัวเมียก็จะแพงหน่อยประมาณ 1000 บาท ส่วนของการอาบนํ้าตัดขนก็อยู่ที่ประมาณถ้าเป็นพุดเดิ้ลทั่วๆไปเค้าก็จะพามาอาบนํ้าตัดขน ทรงพุดเดิ้ลจะอยู่ประมาณที่ 280-350 บาท ถ้าเป็นชิสุก็อยู่ประมาณ 320 บาทถ้าตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย เช่น โกลเด้น ไซบีเรียนประมาณ 500-600บาทในการอาบนํ้าตัดขนนะครบ 
ผู้สัมภาษณ์ :คุณหมอคะถ้าพูดถึงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลเค้ามีนิสัยใจคอยังไงคะ พอจะทราบมั้ย 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : พุดเดิ้ลเป็นสนัขที่น่ารัก ฉลาด แล้วก็เฟรนลี่ ต้อนรับแขกส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้ครับ 
ผู้สัมภาษณ์ :มีวิธีการอาบนํ้าสุนัขเบื้องต้นมั้ยคะ เผื่อใครที่แบบไม่อยากเดินทางมาอาบนํ้าที่ร้านช่วยแนะนําหน่อย ได้ม้ยคะว่าจะอาบยังไงให้ถูกวิธี 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ถ้าอาบถูกวิธีผมว่าต้องถามพนักงานซึ่งรายละเอียดพวกนี้เดี๋ยวค่อยเพิ่มจากน้องที่เค้า ทํางานอยู่ในส่วนนี้ก็ได้ครับ 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเวลาอาบนํ้าให้น้องหมาเสร็จแล้วควรจะเป่าแห้งมั้ยคะหรือปล่อยให้เค้าแห้งเอง
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เป่าครับ สําคัญคือเป่าเลยเราจะเช็ดให้หมาดๆก่อน หลังจากอาบเสร็จ ทางร้านก็จะเช็ดให้หมาดๆ ก่อนพอหมาดเสร็จแล้วก็ต้องเป่าที่เป็นไดร์ตัวใหญ่ขนาดใหญ่นะครับ แล้วก็เป่า ๆ แล้วก็หวีไปด้วย เพื่อจะให้ขนเค้าแตกแล้วก็รู้สึกแบบมันนุ่มขึ้นครับ 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วปัญหาเห็บหมัดนี่มันเป็นเรื่องใหญ่สําหรับสุนัขเลยนะคะถามว่ามีวิธีป้องกันเห็บหมัดยังไงคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : มันเป็นปัญหาที่โลกแตกมากนะครับ คือครั้งนึงที่ผมเคยเลี้ยงหมาตัวนึงซึ่งตัวเดียวครับเอามาอยู่ ประมาณสักเดือนสองเดือนแล้วนึกว่าเลี้ยงอยู่ตัวเดียวไม่มีเห็บหมัด ผ่านมาอีกเดือนนึงเห็บหมัดเต็มเลย เพราะงั้นคือเห็บหมัดติดจากที่อื่นมามีไข่แล้วฟักเป็นตัวแก่แล้วก็คลอดลูกออกมาได้เป็นหมื่นเป็นพันตัวนะครับ ซึ่งตรงนั้นจะป้องกันยากมาก ในอันดับแรกนะ แต่ถ้าเราจะป้องกันอย่างจริงจังคือเคลียเค้า โดยหยอดที่ตัวสุนัขก่อน ทุกๆเดือน เดือนละครั้ง ติดต่อกันทุกเดือน และแหล่งที่อยู่ที่เค้าแอบไปอยู่ เราก็ใช้ตัวไบติคอลในการพ่นในการฉีดเค้าคือัจะเป็นการรักษาทั้งส่วนตัวเค้าด้วยและ ส่วนของที่อื่นในสิ่งแวดล้อมด้วย ก็จะทําให้ลดลงไปเยอะ แต่จะให้หมดลงผมว่ายากมาก 
ผู้สัมภาษณ์ : ถ้าเราจะตัดเล็บหรือตัดขนให้สุนัขเองที่บ้านสามารถทําเองได้มั้ยคะ แล้วต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ได้ครับ ถ้าตัดเล็บก็พูดถึงเล็บก่อน เล็บของสุนัขก็เหมือนเล็บเราครับ ก็จะมีส่วนของเนื้อเล็บที่เป็น ส่วนเนื้อสีขาว ๆ และอีกส่วนก็เป็นเนื้อสีชมพู สุนัขก็เหมือนกัน เราก็สามารถมองดูในส่วนของ เนื้อของเล็บได้และใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเข้าไปปุ๊บ ถ้าจะให้ดีหน่อยก็ต้องตะไบด้วยนะ ถ้าไม่ตะไบ ในส่วนของเล็บที่ตัดออกไปมนอาจคมๆนิดนึง เค้าอาจจะมาข่วนเราแล้วจะเจ็บ ในส่วนของการ อาบนํ้าตัดขน อาบนํ้าทั่วๆไปเราก็อาบได้แต่ขออย่าในเข้าหู เข้าตา นะครับ แต่เรื่องตัดขนนี่อย่าง น้อยถ้าเกิดตัดเป็นเราต้องมีแบตตาเลี่ยนที่เป็นของสุนัขนะครับ แล้วที่สําคญคือเราต้องรู้ด้วยว่าเรา ต้องตัดแบบไหน และที่สําคญคือต้องใช้ความพยายามมาก ในการตัดสุนขหนึ่งตัวนะ ลองมานั่งดู ก็ได้ว่าช่างเค้ามีความพยายามแค่ไหน กว่าที่จะได้แต่ละตัว เค้าต้องเล็มเท้าสี่เท้า เสร็จแล้วก็มาหน้า เสร็จแล้วก็มาตัว พออาบนํ้าเสร็จเป่าเสร็จ ก็ต้องมาเล็มในราคาาประมาณ300 ถึง300กว่าบาท ซึ่งผมว่าถ้าไม่จําเป็นก็มาให้ร้านทําจะดีกว่า 
ผู้สัมภาษณ์ :สําหรับวันนี้ก็ต้องขอบคุณนายสัตวแพทย์เอกวิทย์ นาถํ้าพลอยมากๆนะคะที่เป็นเกียรติมาให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ขอบคุณมากค่ะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ครับ

วิธีการอาบน้ำและการดูแลสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ อย่าปล่อยให้สุนัขไม่สบายตัว ถ้ามีเวลาสามารถอาบน้ำให้เค้าเองได้ก็อาบเลยนะคะ แต่ต้องอาบตามที่คุณหมอบอกในคลิป และดูแลเค้าให้เหมือนที่เราดูแลตัวเองเพราะสัตว์เลี้ยงก็มีจิตใจเหมือนกันกับคนเราค่ะ


วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

โรคภัยต่างๆของสุนัข


          สวัสดีค่ะคุณผู้ชมตอนนี้อยู่กับดิฉัน ชมพู่ สิริกานต์ นะคะตอนนี้ดิฉันก็อยู่กับนายสัตวแพทย์ท่านนึงนะคะชื่อ นายสัตวแพทย์ ชัยยงค์ สากํา สวัสดีค่ะ 

ผู้สัมภาษณ์ : อยากให้คุณหมอแนะนําตัวเองกับผู้ชมหน่อยค่ะ 
ผู้ให้สมภาษณ์ : ผมชื่อนายสัตวแพทย์ชัยยงค์ สากํา จบสัตวแพทย์ศาสตร์บันฑิตรุ่นที่ 60                 ของประเทศนะครับ ตอนนี้ก็ทํางานในเรื่องของการรักษาสัตว์ทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ 
ผู้สัมภาษณ์ : ไม่ทราบว่าเป็นสัตวแพทย์มานานแค่ไหนแล้วคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ผมเรียนจบเมื่อปี 2545 ตอนนี้ก็นะครับ 
ผู้สัมภาษณ์ : โรงพยาบาลสัตว์กับคลินิครักษาสัตว์มีความแตกต่างกันยังไงคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ในเรื่องของโรงพยาบาลสัตว์กับคลินิครักษาสัตว์นะครับ ในเรื่องของกฏหมายเรื่องของการรับรองของสภาวิชาชีพของสัตวแพทย์  เค้าจะไม่มีคําว่าโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิคเค้าจะเรียกว่าสถานพยาบาลสัตว์ที่มีสัตว์ป่วย พักค้างคืนหรือไม่ค้างคืน ส่วนคําว่าโรงพยาบาลศักยภาพในการรักษาศักยภาพในการตรวจคุณหมอเค้าจะมีมากกว่า คลินิคส่วนใหญ่ก็จะมีคุณหมอแค่หนึ่งท่านอาจจะมีผู้ช่วยหรือไม่มีผู้ช่วยก็แล้วแต่ ถ้าเป็นกรณีของโรงพยาบาลสัตว์เค้าจะมีที่พักสถานพยาบาลสัตว์ไม่เกิน10ที่หรือมีที่พักมากกว่า 10 ที่ ถ้ามีที่พักมากกว่า 10 ที่เค้าจะมีนายสัตวแพทย์ประจําโรงพยาบาล นั้นไม่น้อยกว่า3ท่านขึ้นไปนี่คือข้อแตกต่างแล้วก็ในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่อง มืออุปกรณ์การตรวจเลือด เอกซเรย์ อัลตร้าซาวน์ ทุกอย่างจะมีแต่ของคลินิคบางที่จะมีบางที่จะไม่มี
ผู้สัมภาษณ์ : โรคที่พบบ่อยๆในสัตว์ที่มารักษานี่คือโรคอะไรคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ตรงนี้แล้วแต่ช่วงระยะของฤดูกาลนะครับ เพราะโรคก็จะเหมือนกับคน ถ้าในช่วงปรับเปลี่ยนฤดูปลายฝนต้นหนาวก็จะเป็นไข้หวัดกันเยอะในสัตว์ในสุนัขก็เหมือนกันปลายฝนต้น หนาวก็จะมีเรื่องของเกี่ยวกับโรคไวรัส ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนบางคร้งบางทีก็อาจจะมีเรื่องของอุบัติเหตุมากกว่า คือ มันจะตอบไม่ได้ว่าโรคไหนบ้าง มันจะเป็นช่วงฤดูกาลแต่ถ้าเป็นเชื้อไวรสเชื้อแบคทีเรียมันจะเป็นช่วง ๆ ไป
ผู้สัมภาษณ์ : คุณหมอช่วยเล่าเคสในการทํางานที่รักษายากๆเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลให้ฟังสักเคสได้มั้ยคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : พันธุ์พุดเดิ้ลนะฮะ โดยประวัติของพันธุ์พุดเดิ้ลบุคลิคลักษณะนิสัยของพุดเดิ้ลเนี่ยเป็นหมาพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดเป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างที่จะฉลาด ขี้อ้อน เอาใจประจบเจ้าของ ความยากในการรักษาคือบางทีเค้าไม่ได้เป็นอะไรหมาไม่ได้ป่วยแต่เค้าต้องการที่จะเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ คือมีการแสดงแบบว่าอาจจะเหมือนการเจ็บขา ปวดท้อง แต่ที่จริงเค้าไม่ได้เป็นอะไร พอเจ้าของเห็นก็ลูกเจ็บจังเลย หมาจะแสดงอาการเจ็บให้เห็นทั้งที่เค้าไม่ได้เจ็บ แต่พอเจอหมอปุ๊บพอลูกค้าเจ้าของหมาออกไปป๊บ พุดเดิ้ลอยู่กับหมอเค้าจะปกติเลยอันนั้นคือความยาก 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วถ้าซื้อสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลมาเลี้ยงต้องมีการฉีดวัคซีนอะไรบ้างคะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ในเรื่องของการถ้าซื้อสุนัขมาเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นพุดเดิ้ลหรือพันธุ์อะไรก็แล้วแต่นะครับความสําคัญของเค้าคือว่าในเรื่องของวคซีนเนี่ยควรที่จะทําวคซีนให้เค้าโดยเฉพาะในเรื่องของสุนขที่มีอายุประมาณ 2 เดือนถึง 2 เดือนครึ่ง ควรที่จะให้เค้าได้รับวัคซีนเข็มแรกเพื่อที่จะให้เค้ามีภูมิคุ้มกัน ในช่วงอายุไม่เกิน 6 เดือนความอันตรายของโรค พวกลําไส้อักเสบ ไข้หัดในสุนัข 2 โรคนี้จะอันตรายมาก อย่างกรณีเคสที่อยู่ข้างหลังอันนั้นเป็นลําไส้อักเสบที่หมาไม่เคยได้รับวัคซีน พอเค้าไม่ได้รับวัคซีนปุ๊บเค้าจะไม่มีภูมิคุ้มกันพอเค้าไปสัมผัสเชื้อเค้าก็จะป่วย ความยากของเค้าคือโอกาสตายค่อนข้างสูง 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเรื่องของเห็บหมัดที่พบกันได้ทั่วไปคือเรามีวิธีการที่จะป้องกันยังไงคะ 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : กรณีของเห็บหมัดมันเป็นปรสิตภายนอกการรักษาการช่วยเหลือเนี่ยมันจะมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการอาบนํ้า ใช้ยาหยอด หรือมาหาหมอเพื่อที่จะใช้ยาฉีดกรณีใช้ยาหยอดหลังหรือใช้ยาฉีด การรักษาในมุมมองของหมอ หมอมองว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุจริงๆก็คือเป็นการดูแลของเจ้าของ ถ้าเรามีการอาบนํ้า ช่วยเค้าเอาเห็บออกให้เค้าตรงนั้นคือการช่วยที่ดีที่สุดแต่ถ้ามันเยอะจริงๆไม่ไหวก็ต้องเอามาฉีด พอฉีดเสร็จปุ๊บก็ต้องมองไปที่วงจรชีวิตของเห็บและหมดเพราะว่าเห็บหมัด พอเค้าขึ้นไปกินเลือดเค้าก็จะลงมาไข่ที่ดิน ไข่เสร็จปุ๊บถึงเวลา ก็จะขึ้นไปกินข้างบนตัวสัตว์ แล้วก็จะลงมาไข่ก็คือวงจรชีวิตคือดินแล้วก็ตัวสัตว์วนไปวนมา เพราะฉะนั้นในการควบคุม เห็บหมดเนี่ยเราจะต้องควบคุมทั้งในเรื่องของที่ตัวหมาเองและก็ที่พื้นดินเราจะต้องตัดทั้งสองวงจรถ้าเราตัดที่วงจรใดวงจรหนึ่งเช่น ที่ตัวหมาอย่างเดียวไอ้ตัวไข่ที่มันขึ้นมาก็จะขึ้นที่ตัวสัตว์ เหมือนเดิมแต่ถ้าเราจัดการที่พื้นดินโดยการเทปูนหมดบางทีมันก็ไปตามซอกปูนก็มีเหมือนกัน 
ผู้สัมภาษณ์ : แล้วก็สุดท้ายนะคะอยากให้คุณหมอฝากแง่คิดถึงผู้ที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลนะคะว่าควรดูแลยังไง ให้เค้าแบบมีความแข็งแรงไม่เจ็บป่วย 
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ในกรณีของการเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็ตาม พุดเดิ้ล ชิสุ หรืออะไรก็ตาม เราควรที่จะทําวัคซีนให้กับเค้าด้วยเพื่อที่จะให้เค้ามีภูมิคุ้มกัน 1.ให้ความรักกับเค้าโดยการทําวัคซีน 2. พอเราเลี้ยงเสร็จปุ๊บ ไม่ใช่จะเลี้ยงแล้วปล่อยทิ้งปล่อยขว้างพอโตขึ้นมาปุ๊บมันไม่น่ารักแล้วก็เอาไปปล่อยวัดก็ไม่ใช่ละ เราควรที่จะดูแลเค้าให้ดีที่สุด 3. ในเรื่องของการเจ็บปวดของเค้าเราจะดูในเรื่องของพฤติกรรมเราควรที่จะสังเกตุพฤติกรรมของเค้าด้วยว่าเค้ามีพฤติกรรมยังไงบ้าง ถ้าเค้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น กินน้อยลง นอนมากขึ้น ซึม เบื่ออาหาร อะไรพวกนี้นะครบเราควรที่จะไปพบสัตวแพทย์เพื่อที่จะช่วยเหลือและรักษาเค้าให้ได้ 

             จากที่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์ไปหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนที่กำลังเลี้ยงสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลอยู่นะคะ สุนัขพันธุ์นี้เลี้ยงไม่ยากเลย แต่ต้องดูแลเค้าให้ดี ๆ หมั่นฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ เค้าจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ ค่ะ ต้องขอขอบคุณนายสัตวแพทย์ชัยยงค์ สากำ มาก ๆ เลยนะคะที่มาให้ข้แมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน